บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (“MINT”) ประกาศกำไรสุทธิจำนวน 617 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2557 เพิ่มขึ้นร้อยละ 44 จากไตรมาส 2 ปี 2556 จากผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของทั้งธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร ประกอบกับการรับรู้ผลกำไรจากการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในบริษัท Serendib Hotel PLC ทั้งนี้ ในไตรมาส 2 ปี 2557 ธุรกิจโรงแรมของ MINT มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 134 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ธุรกิจร้านอาหารมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 ในช่วงเวลาเดียวกัน และหากไม่นับรวมผลกำไรจากการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในบริษัท Serendib กำไรสุทธิยังคงมีการเติบโตขึ้นในอัตราร้อยละ 28 ในไตรมาส 2 ปี 2557 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากกลยุทธ์การกระจายธุรกิจและการขยายธุรกิจในต่างประเทศของ MINT ซึ่งส่งผลให้ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธุรกิจในต่างประเทศช่วยลดผลกระทบจากการชะลอตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยและการชะลอตัวของการบริโภคภายในประเทศในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2557 ที่ผ่านมา สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2557 MINT มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เป็นจำนวน 2,037 ล้านบาท จาก 1,838 ล้านบาทในครึ่งปีแรกของปี 2556
ธุรกิจโรงแรมของ MINT แสดงกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 134 ในไตรมาส 2 ปี 2557 และร้อยละ 18 ในครึ่งปีแรกของปี 2557 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของโรงแรมในต่างประเทศ และโรงแรมในต่างจังหวัด ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากผลการดำเนินงานที่ชะลอตัวลงของโรงแรมในกรุงเทพฯจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPar) ของ MINT ทั้งกลุ่ม เติบโตขึ้นในอัตราร้อยละ 9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และหากไม่นับรวมโรงแรมในกรุงเทพฯ RevPar มีการเติบโตในอัตราที่สูงกว่า ถึงร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับโรงแรมในประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญนอกกรุงเทพฯ มี RevPar ที่สูงขึ้น จากการเพิ่มราคาค่าห้องพักเฉลี่ยต่อคืน (ADR) ประกอบกับอัตราการเข้าพักที่ยังคงแข็งแกร่ง ส่วนโรงแรมในต่างประเทศ ซึ่งประกอบด้วยโรงแรมภายใต้แบรนด์อนันตราเป็นหลัก มีอัตราการเติบโตของ RevPar สูงกว่าร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากทั้งอัตราการเข้าพักและ ADR ที่เพิ่มขึ้นของทั้งโรงแรมที่มีอยู่เดิมและโรงแรมที่เปิดใหม่ อีกทั้งอนันตรา เวเคชั่น คลับ ซึ่งเป็นโครงการพักผ่อนแบบปันส่วนเวลาของ MINT มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น ด้วยรายได้ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 50 ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 นอกจากนี้ MINT มีการรับรู้ผลกำไรจำนวน 69 ล้านบาท (หลังหักภาษี) จากการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในบริษัท Serendib จาก “เงินลงทุนในหลักทรัพย์เผื่อขาย” เป็น “เงินลงทุนในบริษัทร่วม” เนื่องจาก MINT ได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท Serendib จากร้อยละ 19.8 เป็นร้อยละ 22.7 ในระหว่างไตรมาส 2 ปี 2557 หากไม่นับรวมผลกำไรที่เกิดขึ้นครั้งเดียวดังกล่าว ธุรกิจโรงแรมของ MINT ยังคงแสดงกำไรสุทธิที่เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งในอัตราร้อยละ 63 ในไตรมาส 2 ปี 2557 และร้อยละ 11 ในครึ่งปีแรกของปี 2557 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ จากสภาวะทางการเมืองในประเทศไทยที่ดีขึ้น MINT คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยน่าจะปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจท่องเที่ยวของประเทศไทยกลับมามีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2557
ธุรกิจร้านอาหารของ MINT แสดงผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 ในไตรมาส 2 ปี 2557 และร้อยละ 4 ในครึ่งปีแรกของปี 2557 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ความเป็นผู้นำตลาด และการใช้กลยุทธ์ทางการตลาดเชิงรุก รวมถึงกลยุทธ์ในการส่งเสริมการขาย ซึ่งส่งผลให้จำนวนลูกค้าและรายได้เฉลี่ยต่อลูกค้าเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับการใช้มาตรการการควบคุมต้นทุนอย่างเคร่งครัด สามารถช่วยลดผลกระทบจากความไม่สงบทางการเมืองได้ในระหว่างไตรมาสที่ผ่านมา ยอดขายโดยรวมทุกสาขา (Total-System-Sales) ของธุรกิจร้านอาหารเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 12 ในไตรมาส 2 ปี 2557 จากยอดขายต่อร้านเดิม (Same-Store-Sales) ที่เพิ่มขึ้นขึ้นในอัตราร้อยละ 1.5 และการเติบโตของจำนวนสาขาในอัตราร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ MINT คาดว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคในประเทศไทยน่าจะกลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้ง หลังจากสภาวะทางการเมืองที่ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนการบริโภคและผลการดำเนินงานของธุรกิจร้านอาหารในระยะสั้นนี้ นอกจากนี้ การกลับมาลงทุนของภาคเอกชนและภาครัฐ รวมถึงนโยบายทางเศรษฐกิจและสังคมที่ประกาศใช้โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะส่งผลให้เศรษฐกิจค่อยๆเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งและพฤติกรรมการบริโภคที่แข็งแกร่งขึ้นทั้งในระยะกลางและระยะยาว ทั้งนี้ การขยายสาขาร้านอาหารใหม่ไปพร้อมกับการขยายธุรกิจของผู้ประกอบร้านค้าปลีกรายหลัก รวมถึงการขยายธุรกิจแฟรนไชส์อย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้ธุรกิจร้านอาหารมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2557
ธุรกิจจัดจำหน่ายของ MINT ซึ่งดำเนินธุรกิจในประเทศไทย มีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ในไตรมาส 2 ปี 2557 และร้อยละ 4 ในครึ่งปีแรกของปี 2557 ในขณะที่ความสามารถในการทำกำไรถูกกดดันจากการชะลอตัวของการบริโภคภายในประเทศจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ธุรกิจรับจ้างผลิตมีรายได้และกำไรลดลงในไตรมาส 2 ปี 2557 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความล่าช้าของคำสั่งซื้อของลูกค้า จากการชะลอตัวของการบริโภคภายในประเทศเช่นกัน อย่างไรก็ดี รายได้และกำไรของธุรกิจจัดจำหน่ายและรับจ้างผลิตคิดเป็นเป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับรายได้และกำไรโดยรวมของ MINT ด้วยเหตุนี้ การลดลงของกำไรของกลุ่มธุรกิจนี้จึงถูกชดเชยด้วยผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งขึ้นของธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารในไตรมาส 2 ปี 2557
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจระดับสากล โดยประกอบ 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่น MINT เป็นผู้นำในธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย โดยมีร้านอาหารกว่า 1,500 สาขา ใน 20 ประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้า เดอะ พิซซ่า คอมปะนี สเวนเซ่นส์ ซิซซ์เลอร์ แดรี่ ควีน เบอร์เกอร์ คิง ไทยเอ็กซ์เพรส เดอะ คอฟฟี่ คลับ ริบส์ แอนด์ รัมส์ และริเวอร์ไซด์ อีกทั้งยังเป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจโรงแรมทั้งในรูปแบบเป็นเจ้าของเอง บริหารจัดการ และร่วมลงทุน โดยมีโรงแรมทั้งสิ้น 109 โรงแรม ภายใต้เครื่องหมายการค้า อนันตรา อวานี โอ๊คส์ เปอร์ อควัม แมริออท โฟร์ซีซั่นส์ เซ็นต์ รีจิส เอเลวาน่า และโรงแรมในกลุ่มไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ในประเทศไทย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ มัลดีฟส์ เวียดนาม แทนซาเนีย เคนยา ตะวันออกกลาง ศรีลังกา จีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย กัมพูชา และโมซัมบิก นอกจากนี้ MINT ยังเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นจากต่างประเทศ ทั้งเสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องสำอาง และธุรกิจรับจ้างผลิตสินค้า โดยมีโรงงานเป็นของตัวเอง เครื่องหมายการค้าที่ MINT เป็นผู้จัดจำหน่ายได้แก่ แก๊ป เอสปรี บอสสินี่ ชาร์ล แอนด์ คีธ เพโดร เรดเอิร์ธ ทูมี่ สวิลลิ่ง เจ.เอ. เฮ็งเคิลส์ อีทีแอล เลิร์นนิ่ง และ มายเซลล์ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ www.minorinternational.com
PERFORMANCE (Bt m) | ||||||
2Q14 | 2Q13 | % Change | 1H14 | 1H13 | % Change | |
Total Revenues | 9,123 | 8,252 | 11% | 19,753 | 17,888 | 10% |
Cost of Sales | 3,435 | 3,090 | 11% | 7,094 | 6,400 | 11% |
Selling & Administrative | 4,021 | 3,798 | 6% | 8,418 | 7,574 | 11% |
EBITDA | 1,667 | 1,364 | 22% | 4,242 | 3,914 | 8% |
Depreciation & Amort. | 678 | 578 | 17% | 1,338 | 1,152 | 16% |
EBIT | 989 | 786 | 26% | 2,904 | 2,762 | 5% |
Interest Expenses | 299 | 258 | 16% | 542 | 534 | 1% |
Earnings Before Tax | 690 | 529 | 31% | 2,362 | 2,228 | 6% |
Corporate Tax | 72 | 83 | -13% | 284 | 359 | -21% |
Minority Interest | 2 | 17 | 90% | 41 | 31 | N.M. |
Net Profit as Reported | 617 | 429 | 44% | 2,037 | 1,838 | 11% |
Fully Diluted EPS as Reported (Bt) | 0.1541 | 0.1075 | 43% | 0.5089 | 0.4606 | 10% |
Fully Diluted Shares (mn) | 4,002 | 3,991 | 0% | 4,002 | 3,991 | 0% |
Press Contacts:
Minor International: Chaiyapat Paitoon / Jutatip Adulbhan at Tel: (662) 365-7500
Attachments